ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 2.82 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) จากแรงขายทำกำไรที่ส่งเข้าตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนมองว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่อ่อนแอเกินคาดของสหรัฐเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัวลงและอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะทำให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดร่วงลง 2.82 ดอลลาร์ แตะระดับ 95.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ปรับตัวลง 9 เซนต์ ปิดที่ 2.5935 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดร่วงลง 2.40 ดอลลาร์ แตะระดับ 94.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายเควิน ซาวิลลี นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากบริษัทแพลทส์กล่าวว่า "นักลงทุนยังคงไม่มั่นใจในทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และก่อนหน้านี้ดัชนีภาคการผลิตก็อ่อนแอเกินคาด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย และอาจทำให้ความต้องการพลังงานลดน้อยลงด้วย"
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานใหม่นอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 18,000 อัตรา ซึ่งเป็นสถิติที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2546 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 70,000 อัตรา ขณะที่อัตราว่างงานของสหรัฐในเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2548 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.8%
ก่อนหน้านี้ สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ไอเอสเอ็ม) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตประจำเดือนธ.ค.ร่วงลงสู่ระดับ 47.7% จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 50.8% ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวลงรวดเร็วกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้น เนื่องจากดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 50 จุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลง และดัชนีที่เหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังขยายตัวขึ้น
"นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นเมื่อนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการใดๆที่ซับซ้อนพอที่จะแก้ไขวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐได้" นายซาวิลลีกล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนให้ความสนใจต่อสัญญาณบ่งชี้ทิศทางเศรษฐกิจมากกว่าสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและสหรัฐ แม้ว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐได้ส่งเรือรบ 3 ลำออกไปประจำการที่ช่องแคบฮอร์มุซซึ่งป็นช่องแคบที่ใช้เดินเรือขนส่งน้ำมันในตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ การที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยที่กดราคาน้ำมันลง เพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้นจะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าที่ผ่านมานั้น การอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้าเก็งกำไรในตลาดน้ำมัน ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันทะยานขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--