นาย Paul Yeo ผู้จัดการภูมิภาค บริษัท เน็กซ์วิว ในมาเลเซีย ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่จ่วยพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(AFET)คือการเร่งออกสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันปาล์มดิบ กาแฟ โกโก้ เป็นต้น พร้อมกับการขยายฐานผู้ลงทุนทั้งในส่วนของรายย่อย และนักลงทุนต่างประเทศ
AFET ควรจะส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะรายย่อย เพื่อขยายฐานผู้ลงทุนในตลาดจากปัจจุบันที่มีรายย่อยอยู่เพียง 4 แสนราย ซึ่งเป็นผู้ที่มีการซื้อขายสม่ำเสมอไม่ถึง 50% และ ผ่อนผันกฎเกณ์ต่าง ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนได้ง่ายขึ้น
นอกจากนั้น ยังควรยกระดับลาด AFET ให้เป็นสากลมากชึ้น อาจจะด้วยการการปรับเปลี่ยนสกุลเงินที่ใช้กำหนดราคาซื้อขายโดยใช้เป็นดอลลาร์สหรัฐมาคำนวณแทนเงินบาท
"รัฐบาลในแต่ละประเทศแถบอาเซียน สนับสนุนให้มีการซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าเพื่อใช้เป็นราคาอ้างอิงในอนาคต โดยไม่ต้องใช้ราคาจากประเทศอื่น" ผู้จัดการภูมิภาค ที่เชี่ยวชาญด้านตลาดสินค้าเกษตร ของเน็กซ์วิว กล่าว
นาย Yeo กล่าวว่า ไทยเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ที่สุดของโลก การซื้อขายยางใน AFET จึงสูงเป็นอันดับสองรองจากตลาดยางสิงคโปร์ (SICOM) โดยขณะนี้ราคาอยู่ที่ 2.46 เหรียญสหรัฐ/กก. ส่วนในไทย(AFET)ราคาอยู่ที่ 2.42 เหรียญสหรัฐ/กก. และอันดับสามเป็นตลาดยางโตเกียว (TOCOM)
เนื่องจากไทยมีเพียงผู้ผลิตยางแผ่น แต่ไม่มีอุตสาหกรรมยางรถยนต์ภายในประเทศมารองรับ ทำให้ภาวะการซื้อขายไม่คึกคักเหมือนกับตลาด SICOM ที่มีคำสั่งซื้อจำนวนมากมาจากจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ใช้รายใหญ่ และตลาด TOCOM ที่มีผู้ใช้หรืออุตสาหกรรมยางรถยนต์อยู่ในประเทศด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--