ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์ เนื่องจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มถดถอยอาจทำให้ความต้องการพลังงานลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้ ราคาทองยังได้รับแรงกดดันจากการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 902.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ร่วงลง 80 เซนต์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 894.60-916.10 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 16.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 12.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 9.75 เซนต์ ปิดที่ 3.2415 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินั่มส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,585.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 384.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 2.95 ดอลลาร์
นายเจมส์ สตีล นักวิเคราะห์จากธนาคาร HSBC ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ในช่วงเช้านั้นราคาทองคำทะยานขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ที่อ่อนแอเกินคาด กระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารสหรัฐ (เฟด) อาจจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ซึ่งการลดดอกเบี้ยจะกดดันดอลลาร์และทำให้นักลงทุนหันเข้าซื้อขายในตลาดทองคำ
"แต่หลังจากนั้นไม่นาน นักลงทุนเริ่มมองว่ายอดค้าปลีกที่ย่ำแย่สะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนัก นับเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดราคาทองร่วงลงอย่างรุนแรงด้วย" นายสตีลกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ของสหรัฐร่วงลง 0.4% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับลงเพียง 0.1%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--