กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 11 ม.ค.เพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 287.1 ล้านบาร์เรล
ขณะที่น้ำมันเบนซินสำรองเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 215.3 ล้านบาร์เรล และน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 129.8 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ กระทรวงรายงานว่า ยอดนำเข้าน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 583,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 10.40 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ยอดนำเข้าน้ำมันเบนซินลดลง 82,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 938,000 บาร์เรลต่อวัน
ส่วนความต้องการน้ำมันเบนซินลดลงแตะระดับ 9.116 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 118,000 บาร์เรล
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ว่า น้ำมันดิบสำรองซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้นั้น จะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 9 สัปดาห์
ขณะเดียวกันคาดว่าน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล จะเพิ่มขึ้น 960,000 บาร์เรล และน้ำมันเบนซินสำรองจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ คาดว่าอัตราการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.4%
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า น้ำมันดิบสำรองข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ ประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปี 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--