ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 71 เซนต์เมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอีกในปี 2551 แต่อาจจะไม่ถึงขั้นถดถอย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดร่วงลง 71 เซนต์ แตะระดับ 90.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 92.19 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 1.49 เซนต์ ปิดที่ 2.5035 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 1.15 เซนต์ ปิดที่ 2.2668 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับตัวลง 75 เซนต์ ปิดที่ 88.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอลารอน เทรดดิ้ง ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้ทำให้นักลงทุนมีมุมมองในด้านลบต่อเศรษฐกิจมากขึ้น หลังจากที่มุมมองดังกล่าวได้ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทำกำไรเมื่อหลายวันก่อน และฉุดราคาน้ำมันร่วงลงเกือบ 10% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
"ปัญหาใหญ่ที่นักลงทุนกังวลก็คือ ถ้าเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยเมื่อใด ความต้องการพลังงานก็จะลดลงด้วย การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้ทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงหลังจากทะยานขึ้นกว่า 1% ในช่วงเช้า ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงและการคาดการณ์ที่ว่าอากาศในสหรัฐจะหนาวเย็นขึ้น" นายไฟน์กล่าว
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนธ.ค.ร่วงลง 14% แตะระดับ 1.01 ล้านยูนิตซึ่งเป็นระดับที่อ่อนแอที่สุดในรอบกว่า 16 ปี และรายงานที่ว่ายอดขายบ้านใหม่ในปี 2550 ร่วงลงเกือบ 25% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงสุดในรอบ 27 ปี
สำนักงานพลังงานสากล หรือ IEA ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกปี 2551 ลง 130,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 1.98 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวอาจลดลงอีกหากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่านี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับรายงานน้ำมันสำรองของสหรัฐที่ว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 11 ม.ค.เพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 287.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล
ขณะที่น้ำมันเบนซินสำรองเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 215.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล และน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 129.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 960,000 บาร์เรล
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--