ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 ม.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจถดถอยลง ซึ่งจะทำให้ความต้องการน้ำมันลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมฉุกเฉินเมื่อคืนนี้ ได้ช่วยพยุงราคาขึ้นจากการร่วงลงอย่างหนักในช่วงเช้าไว้ได้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) มอบเดือนก.พ.ซึ่งครบกำหนดส่งมอบในช่วงที่ตลาดปิดทำการนั้น ปิดร่วงลง 72 เซนต์ แตะระดับ 89.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดร่วงลง 71 เซนต์ แตะระดับ 89.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดลดลง 3.48 เซนต์ แตะระดับ 2.4726 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ปิดลดลง 2.28 เซนต์ แตะระดับ 2.2806 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดร่วงลง 94 เซนต์ แตะระดับ 88.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
คณะกรรมการเฟดมีมติในที่ประชุมฉุกเฉินเมื่อคืนนี้ ให้ลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed funds rate) ลง 0.75% สู่ระดับ 3.50 % และปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ลง 0.75% สู่ระดับ 4.00%
การตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดของเฟด มีขึ้นหลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
นายจิม ริทเทอร์บุช ประธานบริษัทริทเทอร์บุช แอนด์ แอสโซซิเอทส์ ในมลรัฐอิลลินอยส์กล่าวว่า "ยิ่งเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาเท่าใด ก็ยิ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าการลดอัตราดอกเบี้ยยังไม่ใช่มาตรการที่ตรงจุดในการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งความกังวลในเรื่องนี้ทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย"
"ผมคิดว่าทิศทางของตลาดน้ำมันจะเคลื่อนไหวไปตามทิศทางของตลาดหุ้นในระยะนี้ เพราะนักลงทุนมองว่าตลาดหุ้นเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ ซึ่งหากเศรษฐกิจชะลอตัวลงก็อาจทำให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย รวมถึงความต้องการน้ำมันเบนซิน น้ำมันฮีทติ้งออยล์ และน้ำมันดิบ" นายริทเทอร์บุชกล่าว
นักลงทุนจับตาดูรายงานน้ำมันสำรองซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพุธ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าน้ำมันดิบสำรองอาจเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล น้ำมันเบนซินสำรองอาจเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล และ น้ำมันกลั่นสำรองอาจลดลง 100,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ หลังจากที่โอเปคประกาศคงคาดการณ์อัตราการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2551 ไว้เท่าเดิม และกล่าวว่าความต้องการของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาวและการอุปโภคบริโภคที่ขยายตัวขึ้นจะชดเชยความต้องการที่ลดลงจากการที่ราคาพุ่งสูงขึ้นได้ในระยะสั้น
ทั้งนี้ โอเปคคาดว่าการขยายตัวของอุปสงค์ในปี 2551 จะอยู่ที่ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน แตะที่ 87.07 ล้านบาร์เรลต่อวันโดยเฉลี่ย ไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงานในเดือนก่อน
ก่อนหน้านี้ ซามูเอล บ้อดแมน รมว.พลังงานสหรัฐกล่าวกับผู้สื่อข่าวของดาวโจนส์ นิวส์ไวร์ ว่า โอเปคควรปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในการประชุมวันที่ 1 ก.พ.นี้ เนื่องจากข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อคน้ำมันของกลุ่มประเทศองค์กรเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (โออีซีดี) มีแนวโน้มลดลงตลอดปี 2551
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--