ภาวะตลาดทองคำ NYMEX: ข่าวปิดเหมืองในแอฟริกาใต้ ดันราคาทองปิดพุ่ง 4.90$

          ราคาทองคำและราคาพลาตินั่มตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ม.ค.) โดยในระหว่างวันนั้น ราคาโลหะมีค่าทั้ง 2 ประเภทพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากมีข่าวว่าเหมืองแร่หลายแห่งในแอฟริกาใต้ระงับการผลิต ซึ่งรวมถึงเหมืองของบริษัทแองโกลโกลด์ บริษัทฮาร์โมนี และบริษัทโกลด์ฟิลด์
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดพุ่งขึ้น 4.90 ดอลลาร์ แตะระดับ 910.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 924.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
          ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับตัวขึ้น 15.7 เซนต์ ปิดที่ 16.490 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.25 เซนต์ ปิดที่ 3.1840 ดอลลาร์ต่อปอนด์
          ส่วนสัญญาพลาตินั่มส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 57 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,670 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,694.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
          รายงานระบุว่า เหมืองที่สำคัญๆหลายแห่งในแอฟริกาใต้ต้องระงับการผลิตชั่วคราวเนื่องจากเกิดไฟฟ้าขัดข้อง จนทำให้เจ้าหน้าที่เหมืองตัดสินใจระงับการใช้ไฟฟ้าชั่วคราวเพราะเกรงว่าจะทำให้คนงานเหมืองติดอยู่ใต้ดิน โดยบริษัทโกลด์ฟิลด์กล่าวว่า บริษัทได้ระงับการดำเนินงานทั้งหมดในแอฟริกาใต้ รวมถึงการดำเนินงานในเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีกำลังการผลิต 7,000 ออนซ์ต่อวัน
          แอฟริกาใต้เป็นแหล่งผลิตทองคำเพื่อส่งออกไปขายทั่วโลก โดยมุ่งเน้นส่งออกไปยังประเทศจีน และยังเป็นแหล่งผลิตพลาตินั่มรายใหญ่ของโลก ทั้งนี้ ปัญหาทางด้านเครื่องจักร อุบัติเหตุ และการปิดซ่อมบำรุง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผลผลิตทองคำในแอฟริกาใต้ลดลงในปีนี้
          นายคาร์ลอส ซานเชส นักวิเคราะห์จากซีพีเอ็ม กรุ๊ป กล่าวว่า "ข่าวการปิดเหมืองทองคำและพลาตินั่มในแอฟริกาใต้ทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะอุปทานตึงตัว และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำและพลาตินั่มอย่างคึกคัก นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล"