ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลดลง 58 เซนต์เมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) โดยในระหว่างวันนั้นราคาร่วงลงต่ำกว่าระดับ 90 ดอลลาร์ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคอยู่ในระดับที่อ่อนแอ และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นเกินคาด อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 200 จุด ได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลลงได้บ้าง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 58 เซนต์ ปิดที่ 91.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 89.58-92.30 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 1.48 เซนต์ ปิดที่ 2.5345 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ขยับลง 2.49 เซนต์ ปิดที่ 2.3091 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 32 เซนต์ ปิดที่ 92.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวรุนแรงกว่าที่คิด หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวสหรัฐที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานพุ่งขึ้นเกินคาด 69,000 ราย แตะระดับ 375,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 ม.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2548
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนธ.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.2% ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว
นายเจมส์ คอร์ดิเย่ร์ นักวิเคราะห์จากลิเบอร์ตี้ เทรดดิ้ง ในมลรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า "ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐได้สร้างแรงกดดันให้กับตลาด อย่างไรก็ตาม เมื่อตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นแข็งแกร่งกว่า 200 จุด ทำให้นักลงทุนมองว่าภาวะเศรษฐกิจอาจไม่ย่ำแย่เหมือนที่คิด เนื่องจากการซื้อขายในตลาดหุ้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่บ่งชี้สถานะทางเศรษฐกิจได้ดีระดับหนึ่ง"
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 207.53 จุด หรือ 1.67% แตะระดับ 12,650.36 จุด เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของธุรกิจประกันหุ้นกู้ หลังจากผู้บริหารบริษัทเอ็มบีไอเอ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันหุ้นกู้รายใหญ่ได้ออกมาสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเสถียรภาพของบริษัท
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 1 ก.พ. โดยนายซามัด อัล-อาวาดี รัฐมตรีกระทรวงพลังงานคูเวตกล่าวว่า โอเปคมีแนวโน้มจะคงปริมาณการผลิตไว้เท่าเดิม เนื่องจากภาวะในตลาดน้ำมันยังคงผันผวนและความต้องการน้ำมันมีแนวโน้มชะลอตัวลงในไตรมาส 2
ด้านนายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียและเลขาธิการโอเปค กล่าวว่า ปัจจัยพื้นฐานในตลาดน้ำมันยังคงดีอยู่ ซึ่งรวมถึงปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทาน ส่วนปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในขณะนี้มาจากการเก็งกำไร ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง และภาวะติดขัดที่เกิดขึ้นในโรงกลั่นน้ำมัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--