สหภาพยุโรป (อียู) ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีขาเข้าสินค้าจำพวกเหล็กกล้าจากจีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้ โดยจะเริ่มตรวจสอบเหล็กนำเข้าราคาถูกที่สร้างความเสียหายต่อกลุ่มผู้ผลิตเหล็กในประเทศสมาชิกอียู รวมถึงบริษัท ธิสเซนครัพพ์ เอจี
คณะกรรมการอียูกำลังตรวจสอบว่า กลุ่มผู้ส่งออกของจีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ขายเหล็กกล้าใน 27 ประเทศสมาชิกอียูต่ำกว่าต้นทุนหรือไม่ โดยการตรวจสอบครั้งนี้ครอบคลุมถึงการนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กรีดเย็นมูลค่า 2.1 พันล้านยูโร (3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล็กชนิดนี้ใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่อุตสาหกรรมการผลิตรถยต์ จนถึงบอยเลอร์ และอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัว
"เป้าหมายการตรวจสอบก็เพื่อดูว่า มีการทุ่มราคานำเข้าเหล็กจริงหรือไม่ และดูว่าการขายเหล็กต่ำกว่าต้นทุนจะส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใด" คณะกรรมาธิการอียูกล่าวในวันนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประเด็นการค้าเหล็กกล้าอาจเป็นประเด็นสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ระหว่างอียูและจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้อียูกล่าวหาว่า ค่าเงินหยวนของจีนที่มีมูลค่าต่ำเกินไปและยอดเกินดุลการค้ามูลค่ามหาศาลของจีน กำลังเป็นปัจจัยคุกคามประเทศคู่ค้าอื่นๆของจีน โดยเฉพาะในเอเชีย
ที่ผ่านมานั้น อียูพยายามระงับนำเข้าสินค้าหลายประเภทจากจีน อาทิ สิ่งทอ เคมีภัณฑ์ แผ่นเหล็ก และจักรยาน โดยผ่านยุทธวิธีการเรียกเก็บภาษีขาเข้า และเพื่อป้องกันไม่ให้จีนใช้วิธีการขายสินค้าต่ำกว่าทุนซึ่งสร้างความเสียหายให้กับผู้ผลิตของยุโรปอย่างมาก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--