ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.06 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งคาดหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย และความต้องการน้ำมันจะยังคงอยู่ในระดับสูง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดพุ่งขึ้น 1.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แตะระดับ 90.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 3.44 เซนต์ แตะระดับ 2.4833 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดดีดขึ้น 283 เซนต์ แตะระดับ 2.3117 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 90.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ของโรงงานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนธ.ค.ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นมา และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 2%
นายฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากเอลารอน เทรดดิ้งกล่าวว่า "นักลงทุนขานรับข้อมูลยอดสั่งซื้อของโรงงานในสหรัฐ เพราะโรงงานเหล่านี้เป็นแหล่งการลงทุนด้านพลังงาน โดยนักลงทุนแห่กันเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพราะคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น แม้ตัวเลขจ้างงานที่มีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ร่วงลงอย่างมากก็ตาม"
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนม.ค.ลดลง 17,000 ตำแหน่ง นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง และสวนทางกับตัวเลขจ้างงานเดือนธ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 82,000 ตำแหน่ง
ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่ดันราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมาจากข่าวที่ว่า เส้นทางเดินเรือในเมืองฮุสตันปิดทำการชั่วคราวเนื่องจากมีหมอกลงหนาจัด ดังนั้นเรือบรรทุกน้ำมันดิบจำเป็นต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางเดินเรือที่อ่าวอาร์เธอร์ รัฐเท็กซัส
"เส้นทางเดินเรือในเมืองฮุสตันปิดทำการหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเนื่องจากหมอกลงจัดและสภาพอากาศที่เลวร้าย ซึ่งการปิดเส้นทางเดินเรือแต่ละครั้งก็ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น เนื่องจากความกังวลที่ว่าโรงกลั่นน้ำมันอาจมีวัตถุดิบไม่เพียงพอต่อการผลิต" นายไฟนน์กล่าว
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์รุนแรงในอิรักตอนเหนือและในไนจีเรีย โดยรายงานระบุว่าเครื่องบินรบของกองทัพตุรกีได้ทิ้งระเบิดเข้าใส่ฐานที่มั่น 70 แห่งของกลุ่มกบฏชาวเคิร์ดในอิรักตอนเหนือ ส่วนที่ไนจีเรียมีรายงานว่า กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนได้เข้าโจมตีกองกำลังความมั่นคงซึ่งตั้งฐานใกล้กับบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ส่งผลให้มีทหารเสียชีวิต 3 นาย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--