ราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.พ.) หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบสำรองที่ปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนมี.ค. และได้มีการซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์ร่วงลง 22 เซนต์สู่ระดับ 86.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากที่ร่วงลง 1.27 ดอลลาร์ปิดที่ 87.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวานนี้จากรายงานน้ำมันดิบสำรองรอบสัปดาห์
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงหลังจากที่กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า ปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐพุ่งขึ้น 7.0 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.2 ล้านบาร์เรลขณะที่น้ำมันเบนซินสำรองเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล
เดวิด มัวร์ นักวิเคราะห์จากธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงค์ ออฟ ออสเตรเลียในซิดนีย์กล่าวว่า ปริมาณน้ำมันดิบสำรองที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ช่วยให้นักลงทุนคลายวิตกกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
"เราเชื่อว่าสหรัฐจะยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่สถานการณ์ในตลาดน้ำมันจะซบเซา ซึ่งภาวะดังกล่าวจะเป็นปัจจัยลบที่กดดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง" เขากล่าว
สหรัฐเป็นประเทศที่มีปริมาณการใช้น้ำมันมากที่สุดในโลก ดังนั้นภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับสหรัฐสามารถส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้
ขณะที่อังเดรย์ เครียวเชนคอฟ นักวิเคราะห์จากซัคเดนกล่าวในก่อนหน้านี้ว่า "ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากกระแสความวิตกกังวลต่อเศรษฐกิจ"
มีรายงานว่า นายกอลัม ฮอสเซน โนซารี รัฐมนตรีน้ำมันของอิหร่านกล่าวว่า ผลผลิตน้ำมันดิบในประเทศพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเมื่อปีพ.ศ. 2522
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--