ราคาทองคำและราคาพลาตินัมตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจถดถอย และจากวิกฤการณ์พลังงานในแอฟริกาใต้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 910.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 5.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 16.775 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 22.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 14.5 เซนต์ แตะระดับ 3.4540 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินั่มส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,851.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พุ่งขึ้น 32.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 428.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ดีดขึ้น 5.00 ดอลลาร์
เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางอังกฤษประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25% ในวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ 4% ตามความคาดหมายในวันนี้ แต่ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
"เฟดลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งติดต่อกันเพื่อป้องกันเศรษฐกิจสหรัฐไม่ให้ถดถอย แต่ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงดัชนีภาคบริการ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร และยอดขายบ้าน ทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก" นายไมเคิล กรอส นักวิเคราะห์จากอ็อพชันเซลเลอร์สกล่าว
ด้านนายจอห์น เนดเลอร์ นักวิเคราะห์จากคิทโก บุลเลียน ดีเลอร์ส กล่าวว่า "อีกปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำทะยานขึ้นมาจากข่าวที่ว่า บริษัทแองโกลโกลด์ อาชานตี ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก เตือนว่า บริษัทอาจสูญเสียการผลิตทองคำ 400,000 ออนซ์ เนื่องจากวิกฤตการณ์ในแอฟริกาใต้ และวิกฤตการณ์พลังงานในภูมิภาคแห่งนี้ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาพลาตินัมพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วย"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--