ราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเช้าวันนี้ (11 ก.พ.) อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันซึ่งเข้ามาแทนที่ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของสหรัฐ
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนมี.ค. และได้มีการซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 35 เซนต์สู่ระดับ 92.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 91.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
"ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาในตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange)" เดวิด มัวร์ นักยุทธศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงค์ ออฟ ออสเตรเลียในซิดนีย์กล่าว
"ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นจากกระแสข่าวเรื่องการระงับการส่งน้ำมันในไนจีเรีย ส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐน้อยลงในขณะนี้ โดยก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะทำให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันเมื่อไม่นานมานี้" เขากล่าว
บริษัทน้ำมัน รอยัล ดัทช์ เชลล์ (Royal Dutch Shell) ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า บริษัทอาจจะไม่สามารถส่งน้ำมันจากสถานีส่งน้ำมัน Nigerian Bonny ทางตอนใต้ของไนจีเรีย ตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ.ไปจนตลอดเดือนมี.ค. เนื่องจากท่อส่งน้ำมันได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ เชลล์ไม่ได้ระบุมูลค่าความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่แหล่งข่าวในวงการคาดการณ์ว่า เชลล์น่าจะสูญเสียน้ำมันดิบไปหลายพันบาร์เรล
เชลล์ เป็นบริษัทผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในไนจีเรีย โดยผลิตน้ำมันได้กว่าครึ่งจากปริมาณน้ำมันสูงสุดในประเทศที่ 2.6 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ ส่งผลให้ผลผลิตน้ำมันลดลงกว่า 1 ใน 4 ตั้งแต่เดือนม.ค.2549
นอกจากนี้ เชลล์ ตัดสินใจประกาศ "ภาวะสุดวิสัย (force majeure)" ที่โรงกลั่นแห่งหนึ่งในไนจีเรีย เนื่องจากเกิดสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ข้อพิพาทด้านแรงงาน การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--