ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 90 เซนต์เมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) แต่ราคาพลาตินัมยังคงทะยานขึ้นแตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยในระหว่างวันพลาตินัมพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก เนื่องจากความกังวลที่ว่าวิกฤตการณ์พลังงานในแอฟริกาใต้อาจส่งผลให้การดำเนินงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ชะลอตัวลงเป็นเวลาหลายปี
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 910.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ร่วงลง 90.00 เซนต์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 17.353 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พุ่งขึ้น 10.30 ดอลลาร์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2.95 เซนต์ ปิดที่ 3.5305 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินั่มส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,983.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทะยานขึ้น 61.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 439.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 7.55 ดอลลาร์
นายเจมส์ สตีล นักวิเคราะห์จาก HSBC ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "วิกฤตการณ์พลังงานในแอฟริกาใต้เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาพลาตินัมพุ่งขึ้น ผมคาดว่าราคาพลาตินัมจะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกหลายวันข้างหน้า"
บริษัทเหมืองแร่หลายแห่งในแอฟริกาใต้ดำเนินการผลิตในอัตราที่ต่ำกว่าปกติ เนื่องจากเกิดวิกฤตการณ์พลังงานทั่วประเทศ ส่งผลให้อุตสาหกรรมเหมืองแร่ระส่ำระสายและทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ แม้เหมืองแร่หลายแห่งได้รับการจัดสรรพลังงานไฟฟ้าบ้างแล้ว แต่นักลงทุนวิตกกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตในอุตสาหกรรมเหมืองแร่
แอฟริกาใต้เป็นผู้ผลิตพลาตินัมรายใหญ่สุดของโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับ 2 รองจากจีน ทั้งนี้ ปัญหาด้านเครื่องจักร อุบัติเหตุ และการปิดซ่อมบำรุง เป็นสาเหตุทำให้ผลผลิตทองคำและพลาตินัมในแอฟริกาใต้ลดลงในปีที่แล้ว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--