ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 2.19 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลการค้าปี 2550 ที่ร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะซบเซาลงจนถึงปลายปีนี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 2.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 95.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.เป็นต้นมา
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.ขยับขึ้น 5.1 เซนต์ ปิดที่ 2.6666 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 8.62 เซนต์ ปิดที่ 2.4761 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดพุ่งขึ้น 1.77 ดอลลาร์ แตะระดับ 95.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเข้าหนุนสัญญาน้ำมันดิบเดือนมี.ค.อย่างหนาแน่น เมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนธ.ค.ลดลง 6.9% แตะระดับ 5.88 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี และยอดขาดดุลการค้าของปี 2550 ลดลง 6.2% แตะระดับ 7.116 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ายอดส่งออกสินค้าของสหรัฐตกต่ำลงอย่างมากและทำให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่ซบเซาลงอาจทำให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย
เบอร์นันเก้แถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสที่แคปิตอลฮิลล์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะซบเซาลงจนถึงปลายปีนี้ ซึ่งเฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ตีความว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ซึ่งการลดดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมันเพราะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงและทำให้นักลงทุนต่างชาติหันเข้าซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จำพวกน้ำมันและทองคำมากขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเข้ามาในตลาดน้ำมันหลังจากศาลสหรัฐยืนคำตัดสินให้ยึดทรัพย์สินมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ของบริษัทปิโตรเลียส เดอ เวเนซูเอลา เอสเอ (PDVSA) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจน้ำมันของเวเนซูเอลา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบริษัท PDVSA ตัดสินใจระงับการส่งออกน้ำมันดิบให้กับเอ็กซ์ซอน โมบิล พร้อมทั้งยุติความสัมพันธ์ทางการค้ากับเอ็กซอน เพื่อตอบโต้การทำสงครามทางเศรษฐกิจที่ฝ่ายสหรัฐยื่นฟ้องศาลให้พิจารณายึดทรัพย์สินของบริษัทเวเนซูเอลา
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า การที่เวเนซูเอลาขู่จะระงับการส่งออกน้ำมันไปยังสหรัฐนั้นอาจสร้างความตื่นตระหนกให้กับเทรดเดอร์ในตลาดน้ำมันบางกลุ่ม แต่จะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อปริมาณการผลิตหรือราคาน้ำมันในระยะยาว เช่นเดียวกับภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในเวเนซูเอลาก็จะไม่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 8 ม.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 301.1 ล้านบาร์เรล
ขณะที่น้ำมันเบนซินสำรองเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 229.2 ล้านบาร์เรล และน้ำมันกลั่นสำรองลดลง 1 แสนบาร์เรล แตะระดับ 127.0 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.8% แตะระดับ 85.1%
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ว่า น้ำมันดิบสำรองจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล ขณะเดียวกันคาดว่า น้ำมันเบนซินสำรองจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล และน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซลและน้ำมันฮีทติ้งออยล์ จะลดลง 900,000 บาร์เรล นอกจากนี้ คาดว่าอัตราการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2% จากระดับ 84.3%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--