กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อคน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 15 ก.พ.พุ่งขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 305.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 2.9 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อคน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ 230.3 ล้านบาร์เรล แต่สต็อคน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและน้ำมันฮีทติ้งออยล์ ร่วงลง 4.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 122.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ยอดนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 365,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 10.102 ล้านบาร์เรลต่อวัน ยอดนำเข้าน้ำมันเบนซินลดลง 14,000 บาร์เรล แตะระดับ 827,000 บาร์เรลต่อวัน ปริมาณความต้องการน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นแตะระดับ 9.125 ล้านบาร์เรลต่อวัน
น้ำมันดิบสำรองข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ ประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปี 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--