ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ กดดันกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ว่า การที่โอเปคไม่คิดที่จะปรับเพิ่มเพดานการผลิตเพื่อสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันนั้น ถือเป็นการกระทำที่"ผิดพลาด" อย่างร้ายแรง
"ผมคิดว่าการที่โอเปคมีส่วนทำให้เศรษฐกิจของประเทศลูกค้ารายใหญ่สุดอย่างสหรัฐชะลอตัวลงนั้น ถือเป็นการกระทำที่ผิดพลาด ซึ่งเศรษฐกิจที่ย่ำแย่เช่นนี้เกิดขึ้นจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น" บุชกล่าวในระหว่างเข้าเฝ้ากษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน
"ผมอยากแนะนำให้โอเปคเข้าใจถึงผลพวงที่ตามมาของราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น" บุชกล่าว ซึ่งการแสดงความคิดเห็นต่อประมุขของจอร์แดนมีขึ้นเพียงวันเดียวก่อนที่การประชุมโอเปคจะมีขึ้นในเย็นวันนี้ที่กรุงเวียนนา
ส่วนความเคลื่อนไหวของรัฐมนตรีโอเปคก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้นในช่วงเย็นวันนี้นั้น นายราฟาเอล รามิเรซ รมว.พลังงานของเวเนซูเอลาได้แสดงท่าทีเพิกเฉยต่อแรงกดดันจากสหรัฐ โดยเขากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "บุชนั่นแหละที่เป็นฝ่ายผิด"
ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานคนอื่นๆในกลุ่มโอเปคได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในทำนองเดียวกันว่า โอเปคจะยังตรึงเพดานการผลิตไว้เท่าเดิมที่ 29.67 ล้านบาร์เรล/วัน โดยนายชอกรี กาเน็ม รมว.พลังงานลิเบียกล่าวว่า โอเปคมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและความสมดุลของอุปสงค์-อุปทาน แต่เขาคาดว่าโอเปคจะยังไม่ปรับเพิ่มเพดานการผลิตในการประชุมครั้งนี้ และแสดงความเห็นว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในขณะนี้เป็นเพราะสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง
ด้านนายกาโล ชิริโบกา แซมบราโน รมว.พลังงานเอกวาดอร์กล่าวว่า โอเปคจะยังคงศึกษาข้อมูลต่างๆก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องเพดานการผลิต และแสดงความเห็นว่าราคาน้ำมันในตลาดที่พุ่งขึ้นในขณะนี้เป็นผลมาจากการเก็งกำไร
ส่วนนายมูฮัมหมัด อัล-อาลีม รมว.พลังงานคูเวตกล่าวว่า ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ใดๆที่จะทำให้โอเปคเพิ่มเพดานการผลิต และเขาเชื่อว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นในขณะนี้เกิดจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศ อาทิ ความขัดแย้งระหว่างเวเนซูเอลาและบริษัทเอ็กซอนโมบิลของสหรัฐ และสถานการณ์รุนแรงในไนจีเรีย สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--