กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ตัดสินใจตรึงเพดานการผลิตไว้เท่าเดิมที่ 29.67 ล้านบาร์เรล/วัน ภายหลังการประชุมครั้งที่ 148 ที่กรุงเวียนนาเมื่อคืนนี้
นายโอมาร์ อิบรอฮิม โฆษกโอเปคกล่าวว่า "นายชากิบ เคลิล ประธานโอเปคมองว่าราคาน้ำมันในปัจจุบันได้รับอิทธิพลจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลง สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง การเก็งกำไรในตลาด และสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศ เมื่อมองจากภาพรวมแล้วโอเปคเห็นว่าสหรัฐควรจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบที่มีส่วนทำให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้"
"นอกจากนี้ การที่ความต้องการน้ำมันดิบมีแนวโน้มชะลอตัวลงในไตรมาส 2 สมาชิกหลายประเทศของโอเปคจึงได้เสนอให้มีการปรับลดเพดานการผลิตก่อนการประชุมในครั้งนี้ แต่ท้ายที่สุดโอเปคมีมติให้ตรึงเพดานการผลิตไว้ก่อน เพราะโอเปคกังวลว่าการลดเพดานการผลิตในระยะนี้อาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาดน้ำมันโลก แต่หากจำเป็นโอเปคก็จะดำเนินการตัดสินใจเรื่องเพดานการผลิตก่อนการประชุมในเดือนก.ย." นายอิบรอฮิมกล่าว
ภายหลังจากที่โอเปคตัดสินใจตรึงเพดานการผลิตได้ไม่นาน ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐได้แสดงความผิดหวัง โดยนางดานา เพริโน โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า บุชต้องการเห็นโอเปคตัดสินใจแตกต่างจากนี้ เขารู้สึกผิดหวังมากที่โอเปคไม่เพิ่มเพดานการผลิต
นอกจากนี้ การตัดสินใจตรึงเพดานการผลิตของโอเปคยังส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 5 ดอลลาร์ แตะระดับ 104.52 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ด้วย สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--