ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 22 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ตัดสินใจตรึงเพดานการผลิต นอกจากนี้ ราคาทองยังได้รับปัจจัยหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเนื่องจากข้อมูลบ่งชี้เศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 988.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 22.20 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 20.785 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 94.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 16.25 เซนต์ แตะระดับ 3.9895 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินั่มส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 2,276.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 9.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 563.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 6.85 ดอลลาร์
เควิน กราดี้ นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอลในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "ราคาทองคำดีดตัวขึ้นแกร่ง หลังจากที่ร่วงลงไปเกือบ 18 ดอลลาร์เมื่อวันอังคาร ทั้งนี้ก็เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นเหนือระดับ 104 ดอลลาร์/บาร์เรล และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง"
ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้น 5 ดอลลาร์ แตะระดับ 104.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากโอเปคตัดสินใจตรึงเพดานการผลิตไว้เท่าเดิมที่ 29.67 ล้านบาร์เรล/วัน และจากสต็อคน้ำมันดิบในสหรัฐที่ลดลงเกินความคาดหมาย
ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากข้อมูลสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ระบุว่า ดัชนีภาคบริการเดือนก.พ. อยู่ที่ระดับ 49.3 จุด ต่ำกว่าระดับ 50 จุดซึ่งบ่งชี้ถึงการหดตัว และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Beige Book บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจภายในประเทศยังคงชะลอตัวลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--