ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่เมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เพราะได้รับอิทธิพลจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงแตะระดับต่ำสุดระดับใหม่เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยเมื่อคืนนี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดเพิ่มขึ้น 95 เซนต์ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 105.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดเพิ่มขึ้น 3.02 เซนต์ ปิดที่ 2.9733 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดเพิ่มขึ้น 1.11 เซนต์ ปิดที่ 2.6532 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดพุ่งขึ้น 97 เซนต์ แตะระดับ 102.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
เจมส์ คอร์ดิเยร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทอ็อพชั่นเซลเลอร์ส ในรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า "ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือระดับ 105 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกหลังจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหนักสุดเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์ โดยนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์อย่างคึกคักเพราะมีราคาถูกลง"
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหลังจากธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมที่ 4.00% ในการประชุมเมื่อคืนนี้ และธนาคารกลางอังกฤษประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25% เพื่อพยุงเศรษฐกิจของอังกฤษไม่ให้ซบเซา ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
"ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐได้ตอกย้ำค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ตลาดน้ำมันในขณะนี้กำลังอิงปัจจัยจากดอลลาร์ ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนตัวลงมาจากสมาคมผู้ว่าการธนาคารปล่อยกู้จำนองแห่งสหรัฐที่เปิดเผยว่า อัตราการยึดบ้านที่หลุดจำนองปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 4 " คอร์ดิเยร์กล่าว
ขณะที่ เอดิสัน อาร์มสตรอง นักวิเคราะห์จากทีเอฟเอส เอนเนอร์จี ฟิวเจอร์ส ที่เมืองสแตมฟอร์ด รัฐคอนเน็กติกัต กล่าวว่า "อีกปัจจัยหนึ่งที่ดันราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงมาจากข่าวที่ว่า กลุ่มกบฏได้ก่อเหตุโจมตีท่อส่งน้ำมันในโคลัมเบียซึ่งสามารถลำเลียงน้ำมันให้กับประเทศอื่นๆได้ในอัตรา 60,000 บาร์เรล/วัน โดยกลุ่มกบฏเข้าโจมตีท่อส่งน้ำมันซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ หลังจากผู้นำระดับสูงของกลุ่มกบฏถูกสังหารในระหว่างกองกำลังทหารเข้าปราบการจลาจลในเอกวาดอร์"
ประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ แห่งเวเนซูเอลาสั่งให้ปิดสถานทูตเวเนซูเอลาในโคลัมเบีย รวมถึงสั่งการให้กองกำลังทหาร รถถัง และเครื่องบินรบ เข้าประชิดพรมแดนโคลัมเบียและเตรียมพร้อมรบ พร้อมกับประณามการสังหาร ลูอิส เอ็ดการ์ เดเวีย หรือที่รู้จักกันในนามแฝง "ราอูล เรเยส" ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มกบฏมาร์กซิสต์ FARC ในเขตประเทศเอกวาดอร์ นอกจากนั้นยังกล่าวประณามว่าประธานาธิบดีอัลวาโร ยูริเบ ของโคลัมเบียว่าเป็นอาชญากร
เวเนซูเอลามีพรมแดนติดกับโคลัมเบียด้วยความยาว 2,219 กม. โดยตั้งแต่เดือนส.ค.-พ.ย.ปีที่แล้ว นายชาเวซทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลโคลัมเบียและกลุ่มกบฏมาร์กซิสต์ FARC ซึ่งนำไปสู่การปล่อยตัวประกันในช่วงต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นายยูริเบได้ปลดนายชาเวซออกจากการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยหลังมีการละเมิดข้อตกลงระหว่างกัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--