ภาวะตลาดทองคำ NYMEX: กองทุนกระหน่ำขาย ฉุดราคาทองปิดร่วง 2.40 ดอลล์

          ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) จากแรงขายของกลุ่มกองทุน ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในระยะถดถอย นอกจากนี้ ราคาทองคำร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนไม่ให้ความสนใจต่อราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 971.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 2.40 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนไหวในกรอบ 961.90-982.80 ดอลลาร์
          ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 19.785 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 46.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับตัวลง 12.35 เซนต์ ปิดที่ 3.8085 ดอลลาร์/ปอนด์
          ส่วนสัญญาพลาตินั่มส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 2,039.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 2.60 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 484.15 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 10.85 ดอลลาร์
          จอร์จ เจโร นักวิเคราะห์จากอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ โกลบอล ฟิวเจอร์ส ในกรุงนิวยอร์ก กล่าวว่า "ราคาทองเคลื่อนไหวเข้าใกล้แนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 1,000 ดอลลาร์ แต่ก็ยังไม่สามารถไต่ขึ้นไปแตะระดับดังกล่าวได้แม้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง และแม้ว่าราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือระดับ 108 ดอลลาร์/บาร์เรลในระหว่างวันก็ตาม"
          "กลุ่มกองทุนเข้ามาเทขายสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องดี อาทิ ทองคำ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามการเรียกหลักประกันเพิ่ม (margin call) ได้" เจโรกล่าว
          ราคาทองทะยานขึ้น 15% นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2551 และพุ่งขึ้น 31% ในปี 2550 เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงและราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยนักลงทุนมองว่าทองคำและโลหะมีค่าประเภทอื่นๆเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจไร้ทิศทาง
          ขณะที่ราคาพลาตินัมร่วงลงหลังจากแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลาตินัมรายใหญ่อันดับ 1 ของโลก และผลิตทองคำได้มากเป็นอันดับ 2 ของโลก ได้ตกลงจัดสรรพลังงานไฟฟ้าให้กับเหมืองภายในประเทศเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ 95% ของเหมืองมีพลังงานไฟฟ้าใช้ตามปกติ จากก่อนหน้านี้ที่ระดับ 90%