อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกที่มีอยู่แข็งแกร่งจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นต่อไป แม้ว่าอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐจะปรับตัวลดลง
กระทรวงพลังงานสหรัฐและสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ยังมองไม่เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ว่าราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานขึ้นในขณะนี้จะปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากจีนและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยของสหรัฐในปีนี้จากระดับ 86.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลขึ้นมาอยู่ที่ 94.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และเพิ่มคาดการณ์ราคาก๊าซโดยเฉลี่ยขึ้นมาที่ 3.21 ดอลลาร์ต่อแกลลอน จากระดับ 3.07 ดอลลาร์ต่อแกลลอน พร้อมชี้ว่า ราคาก๊าซมีแนวโน้มพุ่งขึ้นสูงสุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิใกล้กับระดับ 3.50 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
เมื่อปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 72.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 2.88 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ขณะที่เมื่อวานนี้ราคาน้ำมันพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 109.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลที่ตลาดนิวยอร์ก ขณะที่ราคาก๊าซพุ่งทะยานสูงสุดที่ 3.2272 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
EIA กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะกดดันให้ความต้องการใช้น้ำมันและก๊าซในปีนี้ปรับตัวลดลง โดยปริมาณการใช้น้ำมันของสหรัฐอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 40,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้ ส่วนยอดการใช้น้ำมันเบนซิลจะขยับขึ้นเพียง 0.3% ในปีนี้ ซึ่งลดลงจากระดับคาดการณ์ในเดือนก่อนหน้านี้ที่ 0.8% ขณะที่ ความต้งการใช้น้ำมันจากต่างประเทศจะยังคงปรับตัวสูงขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า IEA ได้ปรับลดคาดการณ์ปริมาณการใช้น้ำมันดิบในสหรัฐ ยุโรป และประเทศที่พัฒนาแล้วในปีนี้ว่าจะลดลง 190,000 บาร์เรลต่อวัน สวนทางกับอุปสงค์จากจีนและกลุ่มประเทศนอกเขตองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวขึ้น 120,000 บาร์เรลต่อวัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--