ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: แรงขายทำกำไร ถ่วงราคาน้ำมันรูดลงปิดที่ 75.57$

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลดลง 32 เซนต์เมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) หลังจากราคาพุ่งขึ้นเหนือระดับ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระหว่างวัน โดยปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรก่อนที่สัญญาน้ำมันดิบเดือนส.ค.จะครบกำหนดส่งมอบนั้น มาจากข่าวที่ว่าโรงกลั่นน้ำมันบางแห่งในสหรัฐเริ่มกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.รูดลง 35 เซนต์ ปิดที่ 75.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 76.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
          ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ปรับตัวลง 2.68 เซนต์ ปิดที่ 2.1645 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.รูดลง 2.21 เซนต์ ปิดที่ 2.0922 ดอลลาร์ต่อแกลลอน 
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ขยับลง 3 เซนต์ ปิดที่ 77.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
          นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบเดือนส.ค.หลังจากมีข่าวว่าโรงกลั่นน้ำมันบางแห่งในสหรัฐเริ่มกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ซึ่งรวมถึงโรงกลั่นของเอ็กซอนโมบิลในรัฐเท็กซัส แต่โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทบิ๊กเวสต์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และโรงกลั่นของบริษัทซิทโก้ ปิโตรเลียมในรัฐเท็กซัส ยังคงปิดทำการ
           นักธุรกิจน้ำมันในรัฐเท็กซัสรายหนึ่งซึ่งคาดว่าจะเข้าลงทุนด้านพลังงานในประเทศจีน คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ที่ 80 ดอลลาร์ในไม่ช้านี้ และคาดว่าราคาจะพุ่งขึ้นอีกในอีก 2-3 ปีข้างหน้าเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างภูมิภาค 
          นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อข่าวที่ว่าบริษัทโทเทล เอสเอ ประกาศ "ภาวะสุดวิสัย (force majeure)" ที่ต้องลดปริมาณการผลิตจากบ่อน้ำมันในแองโกลาลงสู่ระดับ 127,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่ผลิตได้ 240,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากปัญหาทางเทคนิค
          นักวิเคราะห์จากบริษัทออยล์ มูฟเมนต์คาดการณ์ว่า ในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 4 ส.ค.นี้ ปริมาณการส่งออกน้ำมันทางทะเลของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ไม่รวมแองโกเลีย จะลดลง 240,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 23.95 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากการขนส่งไปยังชาติตะวันตกมีปริมาณลดลง