ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดลอนดอนทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อคืนนี้ (4 ก.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานตึงตัวในสหรัฐ และสถานการณ์ตึงเครียดในไนจีเรียและอิหร่าน
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค.ดีดขึ้น 12 เซนต์ ปิดที่ 73.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 73.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูรายงานน้ำมันสำรองของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์ในโพลล์ของดาวโจนส์ นิวส์ไวร์คาดการณ์ว่า น้ำมันดิบสำรองจะปรับตัวลง 500,000 บาร์เรล น้ำมันเบนซินสำรองอาจเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล และน้ำมันกลั่นสำรองอาจเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล
นายริชาร์ด กริฟฟิธส์ นักวิเคราะห์จากอิโวลูชั่น ซิเคียวริตีส์กล่าวว่า นักลงทุนจับตาดูข้อมูลน้ำมันสำรองของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสหรัฐยังอยู่ในฤดูการขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อน และหลังจากมีข่าวการปิดโรงกลั่นในเมืองคอฟฟีย์วิลล์ รัฐแคนซัส เนื่องจากเกิดน้ำท่วม ซึ่งโรงกลั่นแห่งนี้สามารถผลิตน้ำมันเบนซินได้ 2.1 ล้านแกลลอนต่อวัน
"นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์ตึงเครียดในไนจีเรีย โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่คนร้ายจับตัวคนงานชาวต่างชาติเป็นตัวประกัน และความตึงเครียดเรื่องโครงการนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก" นายกริฟฟิธส์กล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์:
[email protected]