ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดสูงขึ้นเมื่อวันศุกร์ (13 ก.ค.) เนื่องจากการคาดการณ์ว่าสถานการณ์อุปทานและอุปสงค์น้ำมันจะตึงตัวมากกว่าเดิมในสหรัฐซึ่งอยู่ในช่วงการขับขี่ยานยนต์ในช่วงฤดูร้อน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange ) ส่งมอบเดือนส.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 1.43 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงถึง 74 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ตกลง 4.15 เซนต์ ปิดที่ 2.2248 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.สูงขึ้น 1.49 เซนต์ ปิดที่ 2.1106 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความต้องการน้ำในที่แข็งแกร่งของผู้บริโถคเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญ โดยกระทรวงพลังงานระบุว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นแตะระดับ 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว 1.4% แต่สำรองน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 2 เท่าจากที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 640,000 บาร์เรล
เควิน ซาวิลล์ จากแพลทส์กล่าวว่า เราได้ปิดท่อส่งน้ำมันแห่งหนึ่งในทะเลเหนือ และทำให้เทรดเดอร์น้ำมันดิบเบรนท์กังวลว่า อุปทานน้ำมันบางส่วนจะมีจำนวนลดลง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้อิทธิพลจากรายงานของสำนักงานพลังงานสากลที่ระบุว่า การบริโภคพลังงานทั่วโลกมีแนวโน้มจะสูงขึ้นในปีหน้า แต่ราคาน้ำมันในระดับสูงจะยังคงเกิดขึ้นและอยู่เหนือระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ซาวิลล์กล่าวว่า รายงานดังกล่าวไม่น่าแปลกใจนัก แต่ก็มีผลทำให้เกิดช่วงขาขึ้นในตลาด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--