ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้น 7.80 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่าการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอาจกระทบถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำในตลาด NYMEX (New
York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดที่ 673.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ร่วงลง 7.80 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 665.20-675.30 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 13.290 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 27.2 เซนต์ และสัญญาโหละทองแดงส่งมอบเดือน.ย.ดีดขึ้น 1.05 เซนต์ ปิดที่ 3.563 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินั่มส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,337.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พุ่งขึ้น 14.60 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 371.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขยับขึ้น 4.20 ดอลลาร์
นายจิม สตีล นักวิเคราะห์ด้านโลหะมีค่าจากธนาคารเอชเอสบีซีกล่าวว่า "ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกท่วมท้น ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้นักลงทุนจำนวนมากปลีกตัวออกจากตลาดปริวรรตเงินตราแล้วขนเงินมาลงทุนในตลาดโลหะมีค่า"
"นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลดลง" นายสตีลกล่าว
ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากการที่นายเบอร์นันเก้ระบุว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอาจทรุดตัวลงรุนแรง ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคภายในประเทศ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--