สหรัฐเผยน้ำมันดิบสำรองร่วง 4.1 ล้านบาร์เรล เบนซินลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล

          กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 3 ส.ค.ทรุดตัวลง 4.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 340.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวลงเพียง 2.6 ล้านบาร์เรล
          ขณะที่น้ำมันเบนซินสำรอง ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 203 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 750,000 บาร์เรล และน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล เพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 127.5 ล้านบาร์เรล 
          ส่วนอัตราการกลั่นน้ำมันร่วงลง 2.3% สู่ระดับ 91.3% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%
          นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า ยอดนำเข้าน้ำมันดิบร่วงลง 167,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับเฉลี่ย 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ยอดนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 172,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับเฉลี่ย 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนความต้องการน้ำมันเบนซินโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.8% จากปีที่แล้ว
          สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า น้ำมันดิบสำรองข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689  ล้านบาร์เรล แต่ต่อมาประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ ประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปี 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย