ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: อิทธิพลพายุโซนร้อน"ดีน" ดันน้ำมันพุ่งปิด 72.38$

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 76 เซนต์เมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) เพราะได้รับอิทธิพลจากรายงานข่าวที่ว่าพายุโซนร้อน"ดีน"ได้ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติก และทวีความรุนแรงจนกลายเป็นพายุเฮอริเคนลูกแรกในฤดูกาลนี้
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 76 เซนต์ ปิดที่ 72.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 
          ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.ขยับขึ้น 3.63 เซนต์ ปิดที่ 1.9738 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้น 1.6 เซนต์ ปิดที่ 1.9825 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้น 28 เซนต์ ปิดที่ 70.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
           ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นทันทีหลังจากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า พายุดีเปรสชัน "ดีน" ที่ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติกได้ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นพายุโซนร้อนแล้ว และคาดว่าความรุนแรงของพายุลูกดังกล่าวทวีขึ้นจนกลายเป็นพายุเฮอริเคนลูกแรกในฤดูกาลปี 2550 ภายในสัปดาห์นี้
          นายทอม โคลซา นักวิเคราะห์จากบริษัทออยล์ไพรซ์ อินฟอร์เมชัน เซอร์วิสกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้มีการพยากรณ์ว่าพายุดีนจะพัดกระหน่ำรัฐเท็กซัสไปจนถึงแหลมค็อด ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดพอสมควร"
          "ถ้าพายุดีนมุ่งหน้าเข้าสู่ฝั่งตะวันตกและเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นฐานการผลิตน้ำมันที่สำคัญของสหรัฐ ก็จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นทันที แต่ถ้าพายุบ่ายหน้าไปทางอีสต์โคสท์ ความกังวลในเรื่องนี้ก็จะหมดไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เราไม่รู้ว่าพายุดีนจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นพายุเฮอริเคนตามที่ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติคาดการณ์หรือไม่" นายโคลซากล่าว
            ด้านนักวิเคราะห์จากทีเอฟเอส เอนเนอร์จี ฟิวเจอร์กล่าวว่า "นักลงทุนจับตาดูการประชุมโอเปคในเดือนก.ย.ว่าโอเปคจะมีปฏิกริยาอย่างไรต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าสมาชิกโอเปคบางรายมองว่าการที่เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงและวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้ากลุ่มซับไพรม์นั้น อาจส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลงในช่วงที่เหลือของปีนี้"
          นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูข้อมูลน้ำมันสำรองซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐเตรียมเปิดเผยในคืนวันพุธ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า น้ำมันดิบสำรองอาจลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล น้ำมันกลั่นสำรองอาจเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล และน้ำมันเบนซินสำรองอาจลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล