กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 27 ก.ค.ร่วงลง 6.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 344.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 4 สัปดาห์ที่ติดต่อกัน และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ดาวโจนส์นิวส์ไวร์คาดว่าจะขยับลงเพียง 690,000 บาร์เรล
ส่วนน้ำมันเบนซินสำรองเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล แตะระดับ 210.8 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะพุ่งขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล และน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล เพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 137.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ กระทรวงระบุว่า อัตราการใช้กำลังการกลั่นเพิ่มขึ้น 1.9% สู่ระดับ 93.6% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.7% ส่วนยอดนำเข้าน้ำมันเบนซินอยู่ที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากรอบสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ยอดนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 10.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 213,000 บาร์เรล
ส่วนความต้องการน้ำมันเบนซินโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 1.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า น้ำมันดิบสำรองข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่ต่อมาประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ ประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปี 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--