ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 8.80 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ส.ค.) ขานรับข่าวที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 0.50% ซึ่งข่าวดังกล่าวได้หนุนราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้นด้วยเช่นกัน หลังจากก่อนหน้านี้ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดการเงินหลายแห่งถูกแรงขายกระหน่ำลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับตลาดสินเชื่อทั่วโลก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 8.80 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 666.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 655.50-674.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ดีดขึ้น 30.5 เซนต์ ปิดที่ 11.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.บวกขึ้น 5.65 เซนต์ ปิดที่ 3.1465 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ส่วนพลาตินั่มส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,231.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 329.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ บวกขึ้น 1.90 ดอลลาร์
เฟดตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ลง 0.50% สู่ระดับ 5.75% เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อผ่อนคลายความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นในตลาดสินเชื่อ โดยอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารพาณิชย์กู้ยืมโดยตรงจากเฟด
นายจอร์จ จีโร รองประธานบริษัทอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ โกลบอล ฟิวเจอร์ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "การที่เฟดตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานได้สร้างแรงกดดันให้กับสกุลเงินดอลลาร์ และดึงดูดนักลงทุนกลับเข้าเทรดในตลาดทองคำมากขึ้น นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นเกือบ 1 ดอลลาร์ นับเป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นเช่นกัน"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--