ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: คาดน้ำมันสำรองร่วง ดันน้ำมันดิบพุ่งปิดที่ 78.21$

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.38 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐจะปรับตัวลดลง และความกังวลที่ว่าความต้องการพลังงานจะเพิ่มสูงขึ้นอีก
          นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดน้ำมันนิวยอร์กถูกขับเคลื่อนด้วยกลุ่มเฮดจ์ฟันด์และนักเก็งกำไรเป็นส่วนใหญ่ โดยนักลงทุนเหล่านี้พยายามดันราคาน้ำมันให้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 78.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระหว่างวัน แต่ไม่สำเร็จ
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.38 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 
          ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ดีดขึ้น 5.52 เซนต์ ปิดที่ 2.1408 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ย.ขยับขึ้น 3.49 เซนต์ ปิดที่ 2.10 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
          นายไมค์ ซาเรมบ์สกี้ นักวิเคาะห์จากบริษัทอ็อพชั่นเอ็กเพรสในเมืองชิคาโกกล่าวว่า "เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบร่วงลงตามตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดิ่งลงอย่างรุนแรง แต่ราคาน้ำมันเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ให้น้ำหนักกับกระแสคาดการณ์ที่ว่าน้ำมันสำรองของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนวันพุธนี้นั้น จะลดลง"
          "นักลงทุนคาดว่าน้ำมันดิบสำรองจะลดลงเนื่องจากโรงกลั่นหลายแห่งยังประสบปัญหา ในขณะที่ความต้องการพลังงานยังคงเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เรามองว่าการที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือระดับ 78 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ มาจากแรงซื้อทางเทคนิค เนื่องจากเฮดจ์ฟันด์พยายามดันราคาให้พุ่งขึ้นไปแตะระดับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์" นายซาเรมบ์สกี้กล่าว
          นักวิเคราะห์ในโพลล์ของดาวโจนส์นิวส์ไวร์คาดว่า น้ำมันดิบสำรองของสหรัฐจะร่วงลง 690,000 บาร์เรลเนื่องจากความต้องการจากโรงกลั่นเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันคาดว่าน้ำมันเบนซินสำรองจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล และคาดว่าน้ำมันกลั่นสำรองจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล