ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.78 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินสำรองร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันในสหรัฐอาจชะลอตัวลง หลังจากเร่งผลิตในปริมาณมากเพื่อรองรับความต้องการในฤดูขับขี่ยานยนต์ซึ่งจะสิ้นสุดในช่วงสุดสัปดาห์นี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 1.78 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 8.54 เซนต์ ปิดที่ 2.1008 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 4.56 เซนต์ ปิดที่ 2.0419 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายแอนโทนี ฮาล์ฟ นักวิเคราะห์จากฟีแมท ยูเอสเอกล่าวว่า "นักลงทุนวิตกกังวลว่าอาจเกิดภาวะอุปทานตึงตัวหลังฤดูการขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อน หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานข้อมูลน้ำมันดิบและน้ำมันสำรองที่ลดลงเกินคาด โดยก่อนหน้านี้โรงกลั่นส่วนใหญ่ในสหรัฐได้เพิ่มอัตราการผลิตเพื่อรองรับความต้องการในฤดูกาลดังกล่าว"
กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 24 ส.ค. ร่วงลง 3.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่น้ำมันเบนซินสำรองลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล ส่วนน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและน้ำมันฮีทติ้งออยล์ เพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ว่า น้ำมันดิบสำรองลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ คาดว่าน้ำมันเบนซินสำรองจะลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล แต่คาดว่าน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล จะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล และคาดว่าอัตราการกลั่นจะมันจะเพิ่มขึ้น 1.5%
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 66,000 บาร์เรล แตะระดับ 993,000 บาร์เรลต่อวัน และยอดนำเข้าน้ำมันดิบลดลง 993,000 บาร์เรล แตะระดับ 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ส่วนความต้องการน้ำมันเบนซินโดยเฉลี่ยมีอยู่มากกว่า 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงกว่าปีที่แล้วประมาณ 0.5%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--