ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐในเดือนก.ค.ดีดตัวขึ้น จากระดับมิ.ย.ที่อ่อนตัลง รวมทั้งยอดสั่งซื้อสินค้าของโรงงานที่ขยายตัวสูงกว่าคาดการณ์ในเดือนก.ค. โดยนักลงทุนด้านพลังงานได้จับตาข้อมูลทางเศรษฐกิจดังกล่าวเนื่องจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจถูกมองว่าเป็นมาตรวัดความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 68 เซนต์ ปิดที่ 74.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ย.สูงขึ้น 0.48 เซนต์ ปิดที่ 1.9645 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ย.ขยับขึ้น 1.38 เซนต์ ปิดที่ 2.0444 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.ดีดขึ้น 79 เซนต์ ปิดที่ 72.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สจ๊วต ฮอฟแมน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของพีเอ็นซี ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ป กล่าวว่า การแถลงของนายเบน เบอร์นานเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐบ่งชี้ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยเพื่อจำกัดผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดเงิน แต่ไม่คิดว่าจะมีการตัดสินใจลดดอกเบี้ยก่อนการประชุมของเฟดในวันที่ 18 ก.ย.นี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐได้รับการยืนยันว่าจะไม่ถูกปล่อยทิ้งไว้กับปัญหา ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเศรษฐกิจโลก และเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐานก็จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--