ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 67 เซนต์เมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) หลังจากพายุดีเปรสชั่นซึ่งเคลื่อนตัวผ่านอ่าวเม็กซิโกในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในพื้นที่ดังกล่าว
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 67 เซนต์ ปิดที่ 80.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 3.11 เซนต์ ปิดที่ 2.0834 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 2.56 เซนต์ ปิดที่ 2.2306 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติดีดขึ้น 28.7 เซนต์ ปิดที่ 6.367 ดอลลาร์ต่อ 1 พันลูกบาศก์ฟุต
ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ดิ่งลง 39 เซนต์ ปิดที่ 78.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอลารอน เทรดดิ้งกล่าวว่า "พายุดีเปรสชั่นลูกดังกล่าวได้อ่อนกำลังลงและเคลื่อนตัวออกห่างพื้นที่ผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก เราคาดว่าบริษัทน้ำมันหลายแห่งจะเริ่มดำเนินการผลิตในไม่ช้านี้"
สำนักงานจัดการแร่ธาตุของสหรัฐ (เอ็มเอ็มเอส) เปิดเผยว่า ทางการสหรัฐปิดการผลิตน้ำมันดิบ เพียง 19.3% และปิดการผลิตก๊าซธรรมชาติเพียง 8.8% ของกำลังการผลิตในอ่าวเม็กซิโกในวันจันทร์ ทั้งนี้ บริษัทพลังงานจะเพิ่มการผลิตให้สูงขึ้นอีกครั้ง หลังจากลดกำลังการผลิตในสัปดาห์ที่แล้วเพราะความกังวลเรื่องพายุ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่อิหร่านประจำโอเปคกล่าวว่า สมาชิกโอเปคบางประเทศเริ่มปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบก่อนเวลา แม้โอเปคมีมติในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาว่าจะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ 500,000 บาร์เรลต่อวัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม นายจิม ริทเทอร์บุช ประธานบริษัทริทเทอร์บุช แอนด์ แอสโซซิเอทส์ กล่าวว่า "นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่ากลุ่มนักเก็งกำไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นและร่วงลง ซึ่งการเก็งกำไรเช่นนี้เกิดขึ้นนับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ การลดอัตราดอกเบี้ยจะทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนต่างชาติ"
คณะกรรมการกำกับดูแลการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของสหรัฐรายงานว่า กลุ่มนักเก็งกำไรได้เข้าทำโพสิชั่นในสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 22% ในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 18 ก.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์มองว่า การเก็งกำไรในตลาดอาจมีอยู่มากเกินไปและอาจทำให้ราคาน้ำมันเข้าสู่ภาวะปรับฐานลง
ทั้งนี้ คาดว่านักลงทุนจะจับตาดูข้อมูลน้ำมันสำรองของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์คาดว่าน้ำมันสำรองจะลดลง 2.0 ล้านบาร์เรล น้ำมันกลั่นสำรองจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล และน้ำมันเบนซินสำรองอาจทรงตัว ส่วนอัตราการกลั่นน้ำมันคาดว่าจะลดลง 0.9%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--