ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: ราคาน้ำมันพุ่งปิด 76.30$ หลังน้ำมันดิบสำรองร่วง

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 57 เซนต์เมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่าน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินสำรองร่วงลงเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับอิทธิพลจากสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางและความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในไนจีเรีย
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 57 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 76.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 75.33-77.43 ดอลลาร์
          ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 3.69 เซนต์ ปิดที่ 2.1368 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 2.48 เซนต์ ปิดที่ 1.9717 ดอลลาร์ต่อแกลลอน   
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 74.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
          นักลงทุนวิตกกังวลว่าปริมาณน้ำมันในสหรัฐอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 2 ก.ย. ร่วงลง 3.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 329.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะลดลงเพียง 500,000 บาร์เรล 
          ขณะที่น้ำมันเบนซินสำรองลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 191.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล และน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 132.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล
          ส่วนอัตราการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.8% แตะระดับ 92.1% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับเดิม
          นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า สถานทูตสหรัฐประจำไนจีเรียออกแถลงการณ์เตือนว่า ธุรกิจของสหรัฐและชาติตะวันตกอื่นๆในไนจีเรียกำลังเผชิญความเสี่ยงจากการถูกโจมตีของขบวนการก่อการร้าย รวมทั้งข่าวที่ว่ากองกำลังทางอากาศของซีเรียได้ปฏิบัติการโจมตีเครื่องบินของอิสราเอลเมื่อวานนี้ โดยกล่าวหาว่าอิสราเอลละเมิดน่าฟ้าของซีเรีย ซึ่งนำไปสู่ความตึงเครียดในภูมิภาค
          นายแอนโทนี ฮาล์ฟ นักวิเคราะห์ด้านวิจัยพลังงานจากบริษัทฟีแมทในสหรัฐกล่าวว่า "ตลาดตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกเนื่องจากมีปัจจัยลบรุมเร้ามากมาย อาทิ ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ปริมาณน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินสำรองที่ทรุดตัวลงอย่างหนักในสหรัฐ และรัฐมนตรีกลุ่มโอเปคบางคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าโอเปคจะไม่เพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมวันที่ 11 ก.ย.นี้ โดยอ้างว่าเหตุผลเดิมๆว่าปริมาณน้ำมันทั่วโลกมีอยู่มากพอ"