ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันทำสถิติดีดขึ้นเหนือ$80 ขณะรอเฟดลดดอกเบี้ย

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำสถิติใหม่เหนือ 80 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐและรับประกันว่าจะมีแรงซื้อน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดดีดขึ้น 1.47 ดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 80.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับเป็นครั้งที่สองที่สัญญาน้ำมันปิดเหนือกว่าระดับ 80 ดอลลาร์
          ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.ขยับขึ้น 0.78 เซนต์ ปิดที่ 2.0442 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 2.09 เซนต์ ปิดที่ 2.2287 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
          ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ดีดขึ้น 76 เซนต์ ปิดที่ 76.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 
          แอดดิสัน อาร์มสตรอง นักวิเคราะห์จาก ทีเอฟเอส เอนเนอร์จี ฟิวเจอร์ส แอลแอลซี กล่าวว่า การปรับลดอัตราดกเบี้ยของเฟดจะยิ่งกระตุ้นแรงซื้อสัญญาน้ำมัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเฟดจะปรับลดเท่าใด หากลด 0.25% ก็อาจจะทำให้มีแรงขาย เนื่องจากการปรับลดดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวไม่มากพอที่จะป้องกันภาวะชะลอตัวในเศรษฐกิจสหรัฐ  แต่ถ้าลดลง 0.50% ก็จะสะท้อนการเคลื่อนไหวเชิงรุกของเฟดในการปัดเป่าภาวะเศรษฐกิจถดถอย และจะเป็นปัจจัยหนุนสำหรับราคาน้ำมัน
          นอกเหนือจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันที่ทะยานสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ยังมีสาเหตุมาจากความกังวลว่าจะเกิดพายุในแถบแคริบเบียนและแอตแลนติกกลาง โดยนักลงทุนส่วนหนึ่งส่งคำสั่งซื้อจากการคาดการณ์ว่าปัจจัยด้านอากาศอาจส่งผลต่อการดำเนินงานผลิตน้ำมันและก๊าซในอ่าวเม็กซิโก
          ภาวะอุปสงค์และอุปทานในระยะนี้ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้สัญญาน้ำมันพุ่งขึ้น โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบและเบนซีนทะยานขึ้น หลังจากเฮอริเคนฮัมเบอร์โตทำให้โรงกลั่นหลายแห่งในเท็กซัสต้องปิดทำการชั่วคราว แม้โรงกลั่นส่วนใหญ่เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตได้แล้วในขณะนี้ แต่นักลงทุนก็ยังกังวลว่าจะมีเฮอริเคนลูกใหม่ซึ่งอาจส่งผลต่ออุปทานพลังงานได้
          นอกจากนี้ แรงซื้อจากนักเกงกำไรและกองทุนก็ได้หนุนให้ราคาดีดตัวสูงขึ้นเช่นกัน