ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับลง 1.22 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) เนื่องจากมีแรงขายทำกำไรส่งเข้ามาในช่วงท้ายของการซื้อขาย ซึ่งถ่วงราคาที่ทะยานสูงขึ้นเหนือ 83 ดอลลาร์ในช่วงแรกจากดอลลาร์ที่ยังอ่อนลงอย่างต่อเนื่อง
ในการซื้อขายช่วงแรก ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกือบถึงระดับที่เป็นสถิติ เนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ส่งผลให้นักลงทุนที่เป็นกองทุนเข้ามาเป็นผู้ซื้อ แต่ท่ามกลางราคาที่ทะยานขึ้นสูงนั้น นักวิเคราะห์ได้กล่าวว่า ปัจจัยพื้นฐานของน้ำมันไม่แข็งแกร่ง ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่า ภาวะขาขึ้นจะเกิดขึ้นเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนที่ราคาน้ำมันจะเริ่มร่วงลงตามฤดูกาล
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ขยับลง 1.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่ทะยานขึ้นแตะ 83.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในการซื้อขายช่วงแรก
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 2.56 เซนต์ ปิดที่ 2.0683 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.42 เซนต์ ปิดที่ 2.2379 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ปรับลดลง 86 เซนต์ ปิดที่ 79.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันพุ่งทำสถิติที่ 83.90 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่จะปรับตัวลงต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงต้นสัปดาห์นี้ โดยราคาได้ดิ่งลงต่ำกว่า 79 ดอลลาร์ในการซื้อขายระหว่างวันในวันพุธ เมื่อกระทรวงพลังงานสหรัฐได้เปิดเผยว่า คลังน้ำมันดิบสำรองเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--