นักวิเคราะห์คาดโอเปคจะตรึงเพดานผลิตน้ำมันเท่าเดิมในการประชุมพรุ่งนี้

          นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) อาจจะคงเพดานการผลิตน้ำมันไว้เท่าเดิม ในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าโอเปคจะถูกกดดันให้เพิ่มเพดานการผลิตถ้าราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง
          นายจอห์น คิงส์ตัน นักวิเคราะห์จากบริษัทแพลทส์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานในเครือแมคกรอว์-ฮิลล์ กล่าวว่า การที่ฤดูการขับขี่รถยนต์ในหน้าร้อนของสหรัฐได้สิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งทำให้ยอดการใช้น้ำมันเบนซินและเชื้อเพลิงดีเซลปรับตัวลดลง ทำให้กลุ่มโอเปคแทบจะไม่มีแรงกดดันให้ต้องเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันซึ่งปัจจุบันยืนอยู่ที่ 25.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมที่กรุงเวียนนาวันอังคารที่ 11 ก.ย.นี้
          นายอับดุลเลาะห์ ซาเล็ม เอล-บาดรี เลขาธิการกลุ่มโอเปคและสมาชิกโอเปคอย่างน้อย 2 ประเทศ คือ อิหร่านและลิเบีย คาดว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะปรับตัวสูงขึ้น และไม่ได้ส่งสัญญาณว่าโอเปคจะปรับเพิ่มเพดานการผลิต
          "แต่คาดว่าท่าทีของโอเปคจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกเคลื่อนตัวเหนือระดับ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เราคาดว่าโอเปคจะเผชิญภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อเผชิญแรงกดดันให้เพิ่มโควต้าการผลิต" นายคิงส์ตันกล่าว
          นายคิงส์ตันคาดว่า โอเปคซึ่งปัจจุบันผลิตน้ำมันได้ในอัตราส่วน 40% ของผลผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก จะทำให้ตลาดอยู่ในภาวะสมดุลมากขึ้นในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า หลังจากเกิดวิกฤตการณ์ในตลาดซับไพรม์ของสหรัฐ เพราะหากเศรษฐกิจชะลอตัวลงก็จะทำให้ความต้องการน้ำมันลดลงด้วย
          ก่อนหน้านี้ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้เรียกร้องให้โอเปคปรับเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันดิบ โดยระบุว่าปริมาณน้ำมันทั่วโลกอาจเกิดภาวะตึงตัวเนื่องจากฤดูหนาวกำลังมาเยือนประเทศในแถบตะวันตก
          อย่างไรก็ตาม นายฮ็จจาตุลเลาะห์ กานีมิฟาร์ด นักวิเคราะห์จากเนชั่นแนล อิหร่าน ออยล์ คาดว่าหากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเข้าใกล้ระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สมาชิกโอเปคประมาณ 10 ประเทศ ซึ่งไม่นับรวมแองโกลาและอิรัก จะผลิตน้ำมันได้เกือบ 30.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก่อนการประชุมโอเปคครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 ธ.ค.ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
          "คาดว่าปัจจัยที่จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมาจากฤดูหนาวที่กำลังมาเยือนและพายุเฮอริเคนที่เคลื่อนตัวเข้าสู่แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโก" นายกานีมิฟาร์ดกล่าว สำนักข่าวเอพีรายงาน