กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) มีมติให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันขึ้นอีก 500,000 บาร์เรลต่อวัน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ หลังจากกลุ่มประเทศผู้ใช้น้ำมันเรียกร้องให้โอเปคเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อผ่อนคลายภาวะอุปทานพลังงานตึงตัว และบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นหลังจากที่ราคาน้ำมันทะยานขึ้นแตะระดับ 77 ดอลลาร์/ บาร์เรล
นายอับดุลเลาะห์ บิน ฮาหมัด อัล-อัลอัตติยะห์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของกาตาร์กล่าวว่า "การประชุมโอเปคที่กรุงเวียนนาจบลงด้วยมติเป็นเอกฉันท์ให้เพิ่มกำลังการผลิตอีก 500,000 บาร์เรลต่อวัน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม โอเปคเพิ่มกำลังการผลิตเฉพาะกิจเท่านั้น ไม่ได้เป็นการเพิ่มโควต้าการผลิตแต่อย่างใด"
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (อีไอเอ) คาดการณ์ว่า โอเปคจะผลิตน้ำมันในปริมาณ 31.04 ล้านบาร์เรล/วันในไตรมาส 4 ปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มการผลิตสู่ระดับ 31.40 ล้านบาร์เรลในปีหน้า
นายอับดุลเลาะห์ เอล บาดรี เลขาธิการโอเปคกล่าวว่า การที่โอเปคตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะควบคุมราคาน้ำมัน โดยเป้าหมายหลักก็เพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดการเงิน และผ่อนคลายความกังวลของสมาชิกโอเปคบางประเทศเท่านั้น
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า การประชุมโอเปคครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ซึ่งในเวลานั้นโอเปคจะประเมินภาวะอุปทานและอุปสงค์ทั่วโลกอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจใดๆต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้โอเปคตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิต แต่ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX กลับพุ่งขึ้น 74 เซนต์ แตะที่ระดับ 78.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้ขานรับการตัดสินใจของโอเปค แต่กลับแสดงความวิตกกังวลว่าปริมาณน้ำมันสำรองของสหรัฐอาจปรับตัวลดลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--