ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบในประเทศนอกกลุ่มโอเปคมีแนวโน้มลดลง แม้ความต้องการน้ำมันทั่วโลกกำลังปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับอิทธิพลจากข่าวที่ว่า กองกำลังทหารตุรกีเตรียมปฏิบัติการกวาดล้างกบฏชาวเคิร์ดในอิรัก ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะติดขัดในการลำเลียงน้ำมัน และส่งผลให้เกิดแรงซื้อทางเทคนิคเข้ามาในตลาด ซึ่งแรงซื้อส่วนใหญ่มาจากกองทุนเพื่อการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดที่ระดับ 86.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 86.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 7.24 เซนต์ ปิดที่ 2.1575 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.ดีดขึ้น 6.08 เซนต์ ปิดที่ 2.3072 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนสัญญาก๊าซธรรมชาติพุ่งขึ้น 47.1 เซนต์ ปิดที่ 7.445 ดอลลาร์ต่อ 1,000 ลูกบาศก์ฟุต หลังจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของสหรัฐคาดการณ์สภาพอากาศในเขตมิดเวสต์และนอร์ธเวสต์จะหนาวเย็นขึ้นในสัปดาห์หน้า และจากความวิตกกังวลว่าอาจมีพายุลูกใหม่ก่อตัวขึ้นในทะเลคาริบเบียน ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในอ่าวเม็กซิโก
ตลาดน้ำมัน NYMEX ได้รับแรงกดดันจากรายงานของกลุ่มโอเปคที่ระบุว่า "แม้โอเปคตัดสินใจเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันขึ้นอีก 500,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนหน้านั้น แต่คาดว่าในไตรมาส 4 นี้ปริมาณการผลิตน้ำมันจากประเทศนอกกลุ่มโอเปคทั่วโลก จะอยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 110,000 บาร์เรลต่อวัน"
"ขณะที่ความต้องการน้ำมันในไตรมาส 4 จะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรลต่อวัน" โอเปคคาดการณ์
ทั้งนี้ นายเอ็ดเวิร์ด แมร์ นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอล กล่าวว่า "รายงานของโอเปคได้ตอกย้ำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวับภาวะอุปทานตึงตัว หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 5 ต.ค. ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 320.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล"
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันได้รับอิทธิพลจากข่าวที่ว่า รัฐบาลตุรกีได้ขออนุมัติจากรัฐสภาให้นำกองกำลังทหารเข้าปราบกบฏชาวเคิร์ดในอิรัก ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอาจเกิดภาวะตัดขัดด้านการลำเลียงน้ำมัน ส่วนอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงมาจากแรงซื้อทางเทคนิคของกองทุนเพื่อการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--