ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: คาดอุปสงค์พุ่ง หนุนราคาน้ำมันทะยานปิดที่ 80.26$

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.24 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) หลังจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐคาดการณ์ว่าสภาพอากาศที่หนาวเย็นในฤดูหนาวจะส่งผลให้ความต้องการน้ำมันดิบทั่วโลกพุ่งขึ้นในช่วงไตรมาส 4
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 80.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 
          ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.ดีดขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 2.0202 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 2.57 เซนต์ ปิดที่ 2.1853 ดอลลาร์ต่อแกลลอน 
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ ปิดที่ 77.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
          สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) รายงานว่า ฤดูหนาวปีนี้อุณหภูมิจะเยือกเย็นลงกกว่าปกติประมาณ 1.3% ขณะที่สำนักงานด้านข้อมูลพลังงานในสังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐคาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันดิบทั่วโลกจะพุ่งขึ้นเป็น 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงไตรมาส 4
          นายทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่า "ผมมองว่าการที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นรุนแรงเหนือระดับ 80 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้เป็นเพราะองค์ประกอบทางเทคนิค หรือ องค์ประกอบด้านสภาพอากาศ รายงานคาดการณ์ของรัฐบาลสหรัฐมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อความรู้สึกของนักลงทุน นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์"
          กระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลน้ำมันสำรองในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งช้ากว่าปกติ 1 วันเพราะวันจันทร์เป็นวันหยุดของหน่วยราชการและตลาดพันธบัตรสหรัฐ เนื่องในวันโคลัมบัส โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าน้ำมันดิบสำรองจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล น้ำมันกลั่นสำรองจะลดลง 600,000 บาร์เรล  และน้ำมันเบนซินสำรองจะลดลง 100,000 บาร์เรล
          ส่วนในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า น้ำมันดิบสำรองปรับตัวเพิ่มขึ้น  1.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 321.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ว่าจะร่วงลง 1.7 ล้านบาร์เรล
          ขณะที่น้ำมันเบนซินสำรองปรับตัวลง 100,000 บาร์เรล แตะระดับ 191.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมน้ำมันฮีทติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 135.9 ล้านบาร์เรล ขัดแย้งกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล