ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 1.42 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เนื่องจากแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตาม ราคายังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับทางจิตวิทยาที่ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าการที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ย.นั้น เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานในตลาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 80.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 5.98 เซนต์ ปิดที่ 1.9813 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 4.49 เซนต์ ปิดที่ 2.1807 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.53 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายทอม โคลซา นักวิเคราะห์จากออยล์ ไพรซ์ อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิสกล่าวว่า "โดยปกติแล้วราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเดือนต.ค. เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูพายุเฮอริเคน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมองว่าการที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานในตลาด"
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐรายงานว่าพายุโซนร้อนเมลิสสาได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นโซนร้อนในมหาสมุทรแอตแลนติกแล้ว โดยความเร็วลมลดลงสู่ระดับ 30 ไมล์/ชม. (45 กม./ชม.)
คณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (ซีเอฟทีซี) รายงานว่า ในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 25 ก.ย.นั้น กลุ่มนักเก็งกำไรในตลาด NYMEX ได้ลดการถือครองสัญญาซื้อ (long position) สุทธิในสัญญาน้ำมันดิบ
ทั้งนี้ นายโคลซากล่าวว่า "การที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายในตลาดน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้ามากขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--