ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.50 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าปริมาณน้ำมันในสหรัฐจะเพียงพอรองรับความต้องการหรือไม่ เนื่องจากฤดูหนาวที่ชาวอเมริกันจะต้องใช้น้ำมันฮีทติ้งออยล์เป็นเชื้อเพลิงในการทำความร้อนนั้น กำลังใกล้เข้ามา
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.ดีดขึ้น 5.26 เซนต์ ปิดที่ 2.2313 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 5.63 เซนต์ ปิดที่ 2.0522 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICEกรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ทะยานขึ้น 1.78 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายเจมส์ คอร์ดิเยร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทลิเบอร์ตี้ เทรดดิ้ง กรุ๊ป ในมลรัฐฟลอริด้า กล่าวว่า "ตลาดน้ำมันนิวยอร์กเคลื่อนตัวผันผวนและไร้ทิศทาง เนื่องจากมีการปลุกกระแสคาดการณ์เชิงจิตวิทยาในตลาด ซึ่งรวมถึงการคาดการณ์ที่ว่าปริมาณน้ำมันในสหรัฐอาจมีไม่เพียงพอรองรับความต้องการ เนื่องจากฤดูหนาวในสหรัฐกำลังมาเยือน ซึ่งเป็นฤดูที่ต้องใช้น้ำมันฮีทติ้งออยล์จำนวนมาก"
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า ในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 28 ก.ย.นั้น น้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมน้ำมันฮีทติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 135.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล
ขณะที่น้ำมันเบนซินสำรองปรับตัวลง 100,000 บาร์เรล แตะระดับ 191.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม น้ำมันดิบสำรองปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 321.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 1.7 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ 87.5% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์จะเพิ่มขึ้น 0.75%
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานรายงานว่า ยอดนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐโดยเฉลี่ยลดลง 189,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 10.25 ล้านบาร์เรล ขณะที่ยอดนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 102,000 บาร์เรล สู่ระดับ 1.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน และปริมาณความต้องการน้ำมันเบนซินลดลงสู่ระดับ 9.12 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำกว่ารอบสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประณ 115,000 บาร์เรล
"ในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ โรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งในสหรัฐต้องปิดการดำเนินงานเนื่องจากพายุเฮอริเคนที่พัดเข้าอ่าวเม็กซิโก และเนื่องจากปัญหาทางเทคนิค ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวตอกย้ำความกังวลที่ว่า ปริมาณน้ำมันอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ" นายคอร์ดิเยร์กล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ (ตามเวลาประเทศไทย) เพื่อนำมาประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวขึ้นมากน้อยเพียงใด เพราะหากเศรษฐกิจยังขยายตัวขึ้น ความต้องการพลังงานก็จะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--