ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.48 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) โดยระหว่างวัน ราคาได้พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เหนือ 88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากความวิตกกังวลว่าอาจเกิดภาวะติดขัดด้านการลำเลียงน้ำมันในตะวันออกลาง หลังจากมีข่าวว่ากองกำลังทหารตุรกีเตรียมยกพลบุกพื้นที่ตอนเหนือของอิรักเพื่อปราบกลุ่มกบฏชาวเคิร์ด นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลว่าปริมาณน้ำมันในสหรัฐอาจมีไม่เพียงพอต่อความต้องการในช่วงไตรมาสที่ 4
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.48 ดอลลาร์ ปิดที่ 87.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากทะยานขั้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 88.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในระหว่างวัน
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.ดีดขึ้น 1.62 เซนต์ ปิดที่ 2.1737 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 3.15 เซนต์ ปิดที่ 2.3387 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 84.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กได้รับอิทธิพลจากข่าวที่ว่า รัฐบาลตุรกีได้ขออนุมัติจากรัฐสภาให้นำกองกำลังทหารเข้าปราบกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนชาวเคิร์ด (PKK) ในอิรัก ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอาจเกิดภาวะตัดขัดด้านการลำเลียงน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐได้เรียกร้องให้ตุรกีใช้ความอดทนอดกลั้นมากกว่านี้ โดยนายกอร์ดอน จอห์นโดร โฆษกคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐกล่าวว่า "เราต่างต้องการให้เกิดเสถียรภาพในอิรักและต้องการให้กลุ่ม PKK ได้รับความเป็นธรรมตามกฎหมาย สหรัฐขอให้ชาวตุรกีแก้ปัญหาดังกล่าวผ่านการเจรจากับสหรัฐและอิรักต่อไป และยับยั้งชั่งใจก่อนที่จะใช้ความรุนแรง"
กลุ่ม PKK ซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อกลุ่มก่อการร้ายของตุรกี สหรัฐ และสหภาพยุโรป เริ่มใช้ความรุนแรงเพื่อแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกีตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 โดย PKK สร้างความขัดแย้งในประเทศตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาและส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 30,000 คน
นายเดวิด มัวร์ นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากคอมมอนเวลธ์ แบงค์ ออฟ ออสเตรเลีย กล่าวว่า "เมื่อใดก็ตามที่เกิดภาวะตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลาง ตลาดน้ำมันก็จะมีปฏิกริยาทันที เพราะพื้นที่ตะวันออกกลางเป็นฐานที่ตั้งด้านการผลิตและลำเลียงน้ำมัน ดังนั้น นักลงทุนจะวิตกกังวลทุกครั้งที่มีความตึงเครียดเกิดขึ้น"
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานน้ำมันสำรองซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพุธ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า น้ำมันดิบสำรองจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล น้ำมันกลั่นสำรองอาจลดลง 300,0000 บาร์เรล และน้ำมันเบนซินสำรองอาจเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการกลั่นน้ำมันอาจทรงตัวที่ 87.8%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--