ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 60 เซนต์เมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินอื่นๆ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยน้ำมันดิบสำรองที่เพิ่มขึ้นเกินคาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 735.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 60 เซนต์ หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 732.30-742.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 13.47 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาพลาตินั่มเดือนม.ค.ปิดที่ 1,368.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พุ่งขึ้น 13.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 361.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทะยานขึ้น 8.05 ดอลลาร์
นายสก็อต เมเยอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทไพโอเนียร์ ฟิวเจอร์สกล่าวว่า "ราคาทองร่วงลงเนื่องจากแรงเทขายทำกำไร หลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นเกือบ 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนส.ค.เป็นต้นมา โดยปัจจัยหลักๆที่มีอิทธิพลต่อราคาทองคือค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งขึ้น และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง"
ดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากนักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเข้าหนุนดอลลาร์เพราะคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 100,000 อัตราในเดือนก.ย.
ส่วนราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลง 11 เซนต์ แตะที่ระดับ 79.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 28 ก.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 321.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.7 ล้านบาร์เรล
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--