ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: ข่าวเม็กซิโกปิดโรงกลั่น ดันน้ำมันพุ่งปิด 93.53$

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) เพราะได้รับอิทธิพลจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง และข่าวที่ว่าบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเม็กซิโกประกาศปิดโรงกลั่นน้ำมัน 1 ใน 5 แห่งหลังจากถูกพายุกระหน่ำ
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.67 ดอลลาร์ ปิดที่ 93.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 93.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 
          ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 5.34 เซนต์ ปิดที่ 2.3274 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 3.21 เซนต์ ปิดที่ 2.4646 เซนต์ต่อแกลลอน
          นายฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นหลังจากค่าเงินยูโรทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
          "ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลง ซึ่งดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้าซื้อในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อย่างคับคั่ง และเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ดันราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น" นายไฟนน์กล่าว
          นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับอิทธิพลจากข่าวที่ว่าบริษัทปิโตรเลออส เม็กซิคานอส (พีเม็กซ์) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเม็กซิโก ประกาศระงับการผลิตน้ำมันดิบในโรงกลั่นแห่งหนึ่งที่มีกำลังการผลิต 600,000 บาร์เรลต่อวัน เป็นการชั่วคราว หลังจากถูกพายุพัดกระหน่ำ
          "แม้พีเม็กซ์ประกาศว่าจะระงับการผลิตเพียง 2-3 วัน แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณอุปทานและอาจทำให้คลังสำรองน้ำมันภายในประเทศปรับตัวลดลง" นายชิป ฮ็อดจ์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากบริษัทจอห์น แฮนค็อก ไฟแนนเชียล ซิเคียวริตี้ส์ กล่าว
          จนถึงขณะนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นไปแล้วกว่า 10% นับตั้งแต่กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า น้ำมันดิบสำรองของสหรัฐในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 19 ต.ค.ร่วงลง 5.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 316.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล 
          ขณะที่น้ำมันเบนซินสำรองร่วงลง 2 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล และน้ำมันกลั่นสำรอง ซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 150,000 บาร์เรล 
          ด้านนายเอ็ดเวิร์ด แมร์ นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอล คาดการณ์ว่า "ราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวสูงขึ้นอีกหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมสัปดาห์นี้ เพราะการลดอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง และจะทำให้นักลงทุนแห่กันเข้าลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น"