ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: ราคาน้ำมันร่วงแตะ 96.37$ หลังสหรัฐเผยน้ำมันสำรอง

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลดลง 33 เซนต์เมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) หลังจากที่กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าน้ำมันดิบสำรองปรับตัวลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราการกลั่นน้ำมันทรงตัวที่ระดับเดิม
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 33 เซนต์ ปิดที่ 96.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 94.62-98.62 ดอลลาร์ 
          ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนธ.ค.ดีดขึ้น 0.97 เซนต์ ปิดที่ 2.6175 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.56 เซนต์ ปิดที่ 2.4406 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับลง 2 เซนต์  ปิดที่ 93.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 
          กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 2 พ.ย.ลดลง 800,000 บาร์เรล แตะระดับ 311.9 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.8 ล้านบาร์เรล
          ขณะที่น้ำมันเบนซินสำรองลดลง 800,000 บาร์เรล แตะระดับ 194.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 100,000 บาร์เรล และน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและน้ำมันฮีทติ้งออยล์ เพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล แตะระดับ 135.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 100,000 บาร์เรล 
          ส่วนอัตราการกลั่นทรงตัวอยู่ที่ 86.2% ยอดนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 275,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ยอดนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 107,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ความต้องการน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 12,000 บาร์เรลต่อวัน
          นายฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า นักลงทุนมีปฏิกริยาที่แตกต่างกันไปเมื่อกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยข้อมูลน้ำมันสำรอง นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่ว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกอาจเข้าสู่ภาวะตึงตัวภายในปี 2555 อันเนื่องมาจากความต้องการพลังงานในจีนและอินเดียที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการน้ำมันทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีกกว่า 50%