ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: ราคาน้ำมันพุ่งปิดที่ 94.53$ หลังสต็อคน้ำมันร่วง

          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นรุนแรง 4.15 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นอีก 0.25% และหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าน้ำมันดิบสำรองทรุดตัวลงเกินคาด
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 4.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 94.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง  88.92-94.74 ดอลลาร์
          ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 8.32 เซนต์ ปิดที่ 2.5078 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.ดีดขึ้น 8.29 เซนต์ ปิดที่ 2.34 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 3.19  ดอลลาร์ ปิดที่ 90.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
          ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลงอย่างรุนแรงหลังจากที่เฟดตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงอีก 0.25% สู่ระดับ 4.50% ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน เพราะจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง ซึ่งทำให้นักลงทุนปลีกตัวออกจากตลาดปริวรรตเงินตราและแห่เข้าซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดน้ำมันมากขึ้น
          อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรจำนวนมากมีท่าทีผิดหวังต่อแถลงการณ์ของเฟดที่บ่งชี้ว่า เฟดอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนธ.ค.เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังเผชิญความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
          ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงคือรายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐที่ระบุว่า   น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 19 ต.ค.ร่วงลง 3.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 312.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล
          อย่างไรก็ตาม น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 บาร์เรล ส่วนน้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและน้ำมันฮีทติ้วออยล์เพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 655,000 บาร์เรล
          นายทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่า "เห็นได้ชัดว่าตลาดน้ำมันนิวยอร์กมีปฏิกริยาต่อข้อมูลน้ำมันดิบสำรองที่ร่วงลงอย่างรุนแรง ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบสำรองที่เมืองคุชชิง รัฐโอกลาโฮมา ที่ลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล"
          นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า อัตราการกลั่นน้ำมันลดลง 0.9% สู่ระดับ 86.2% ยอดนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 278,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 9.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ยอดนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน