การประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อคืนนี้ โดยรัฐมนตรีกลุ่มโอเปคมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นที่ว่าควรจะดำเนินการเรื่องค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงหรือไม่ นอกจากนี้ รัฐมนตรีกลุ่มโอเปคยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะจัดหาน้ำมันให้กับกลุ่มผู้ใช้น้ำมันในประเทศตะวันตกอย่างเพียงพอ
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า การอ่อนตัวลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 98.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 7 พ.
ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้กลุ่มผู้ใช้น้ำมันในประเทศตะวันตกออกมาเรียกร้องให้โอเปคผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อกดราคาน้ำมันให้ลดต่ำลง
ประธานาธิบดีมาห์หมุด อามาดิเนจ้าด ของอิหร่าน กล่าวว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการซื้อขายน้ำมันด้วยสกุลเงินอื่นๆ แทนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เพราะการอ่อนตัวลงของค่าเงินดอลลาร์และการที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศตะวันตกกำหนดภาษีในระดับสูงนั้น ทำให้โอเปคไม่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันในปัจจุบัน นอกจากนี้ ประธานาธิบดีอิหร่านยืนยันว่า อิหร่านไม่เคยคิดที่จะใช้น้ำมันเป็นอาวุธถ้าหากสหรัฐตัดสินใจโจมตีอิหร่าน อันเนื่องจากความขัดแย้งเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ในการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีกลุ่มโอเปคไม่มีการหารือกันเรื่องการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันและไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเรื่องผลผลิตน้ำมันในระยะสั้น ขณะที่กษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า พระองค์ค่อนข้างพอใจกับราคาน้ำมันในระดับปัจจุบัน และกล่าวว่า ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจากระดับในช่วงทศวรรษที่ 1980 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้ แม้หลายกลุ่มประเทศผู้ใช้น้ำมันหลายประเทศเรียกร้องให้โอเปคผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นก็ตาม
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าโอเปคอาจจะไม่ปรับเพิ่มปริมาณการผลิตในการประชุมครั้งหน้าซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังจากรัฐมนตรีโอเปคส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า ปัจจัยพื้นฐานด้านอุปสงค์และอุปทานของน้ำมันในตลาดโลกไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจนเกือบแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--