ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 มี.ค.) โดยในระหว่างวันนั้น ราคาทองทะยานขึ้นเหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำ หลังจากมีข่าวว่าวาณิชธนกิจแบร์ สเติร์นส์ ขาดสภาพคล่องและยื่นขอวงเงินกู้จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 999.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 5.70 ดอลลาร์ หลังจากทะยานขึ้นทำนิวไฮในระหว่างวันที่ 1,009 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 20.655 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 23.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดลดลง 0.30 เซนต์ แตะระดับ 3.820 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินั่มส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 2,076.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 21.50 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 514.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 1.50 ดอลลาร์
เจมส์ สตีล นักวิเคราะห์จาก HSBC สาขานิวยอร์กกล่าวว่า นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำหลังจากมีข่าวว่าเฟดสาขานิวยอร์กและเจพีมอร์แกน ให้วงเงินกู้ฉุกเฉินแก่แบร์ สเติร์นส์ ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างรุนแรง และทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงอีก"
"วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินและตลาดสินเชื่อทำให้นักลงทุนมองว่า ตลาดทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดความเสี่ยง นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมเฟดในวันอังคารนี้ ซึ่งหากเฟดลดดอกเบี้ยบลงอีกก็จะถ่วงดอลลาร์ให้อ่อนลง และจะทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในตลาดทองคำหนาแน่นขึ้น" สตีลกล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--